• Power Tranformers

    Partial Discharge (PD) ใน Power Transformer

    Partial Discharge ใน Power Transformer Partial Discharge (PD) ใน Power Transformer คือการเกิดการปล่อยประจุไฟฟ้าบางส่วนภายในหรือบริเวณฉนวนไฟฟ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้เกิดการปลดปล่อยพลังงานจนถึงระดับที่ทำให้เกิดการลัดวงจรโดยสมบูรณ์ แต่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของความผิดปกติในระบบฉนวนที่อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในอนาคต หลักการของ Partial Discharge Partial Discharge มักเกิดขึ้นเมื่อมีความเครียดทางไฟฟ้าสูงในบางส่วนของฉนวนไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น: การเสื่อมสภาพของฉนวน ความบกพร่องในวัสดุฉนวน ความชื้นหรือสิ่งปนเปื้อนในหม้อแปลง PD สามารถเกิดขึ้นได้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น: Corona Discharge: เกิดที่บริเวณขอบของฉนวนหรือจุดที่มีสนามไฟฟ้าสูง Surface Discharge: เกิดบนพื้นผิวของฉนวน Internal Discharge: เกิดภายในวัสดุฉนวนที่มีฟองอากาศหรือช่องว่าง ผลกระทบของ Partial Discharge เสื่อมสภาพของฉนวน: PD ทำให้ฉนวนไฟฟ้าเสื่อมลงเรื่อย ๆ จนไม่สามารถใช้งานได้ ความร้อนสะสม: การเกิด PD ซ้ำ ๆ อาจทำให้เกิดความร้อนที่สร้างความเสียหายต่อหม้อแปลง ความล้มเหลวของระบบ: หากไม่ได้ตรวจสอบ PD อาจนำไปสู่การลัดวงจรและทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าขัดข้อง การตรวจสอบ Partial Discharge การตรวจสอบ PD เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้า โดยมีวิธีหลัก ๆ ดังนี้: Acoustic Emission: ใช้ตรวจจับคลื่นเสียงจากการเกิด PD Electrical Detection: ตรวจจับกระแสหรือแรงดันที่ผิดปกติจาก PD Infrared Thermography: ใช้กล้องถ่ายภาพความร้อนเพื่อตรวจจับความร้อนสะสม UHF (Ultra High Frequency): ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจาก PD ความสำคัญของการจัดการ PD การตรวจสอบและป้องกัน Partial Discharge ช่วย: เพิ่มอายุการใช้งานของหม้อแปลงไฟฟ้า ลดความเสี่ยงของความเสียหาย และการหยุดชะงักของระบบ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง หากสนใจบริการตรวจสอบหรือคำปรึกษาเกี่ยวกับ Partial Discharge สามารถติดต่อทีมงาน Power PD Engineering  Partial Discharge Power Transformer

  • Power Tranformers

    ปัญหาระบบไฟฟ้า

    ตรวจพบปลอกสายไฟละลาย 1. การตรวจสอบสภาพไฟฟ้า (Electrical System Inspection) การตรวจสอบสภาพไฟฟ้าในระบบเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปัญหาหรือการเสียหายของอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยทั่วไปมีการตรวจสอบดังนี้: การวิเคราะห์แรงดันและกระแสไฟฟ้า: การใช้เครื่องมือวัดเช่น Power Quality Analyzer เพื่อวิเคราะห์สัญญาณแรงดันและกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ การตรวจสอบเครื่องมือต่าง ๆ: การตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า, เบรกเกอร์, ตัวควบคุม, และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบการทำงานที่ไม่สมบูรณ์ 2. ปัญหาการขัดข้องของมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor Failure Diagnosis) มอเตอร์ไฟฟ้าบางครั้งอาจเกิดปัญหาหรือหยุดทำงานจากหลายสาเหตุ: การสั่นสะเทือน: หากมอเตอร์สั่นเกินกว่าค่าที่กำหนด อาจเกิดจากการติดตั้งไม่ตรงแนว, ลูกปืนเสื่อม, หรือสายไฟหลวม การร้อนเกินไป: ความร้อนเกินอาจเกิดจากการทำงานหนักเกินไป, ระบบระบายความร้อนเสียหาย, หรือการป้อนพลังงานไม่สม่ำเสมอ การใช้งานผิดประเภท: การใช้มอเตอร์ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ความชื้นหรือฝุ่นสูง ก็อาจทำให้เกิดการเสียหายได้ 3. การตรวจสอบพาร์ทิเคิลดิซชาร์จ (Partial Discharge Monitoring) Partial Discharge (PD) เป็นการเกิดกระแสไฟฟ้าในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจจะไม่ได้เกิดจากการลัดวงจร แต่สามารถทำให้เกิดความเสียหายได้ในระยะยาว เช่น ตรวจสอบการเกิด PD ในหม้อแปลงไฟฟ้า: การตรวจสอบการปลดปล่อยประจุในหม้อแปลงไฟฟ้า หรือคอนเดนเซอร์ เพื่อหาจุดที่อาจเกิดการเสื่อมสภาพ ใช้เทคโนโลยี PD Monitoring: เครื่องมือที่ตรวจจับ PD สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการปลดปล่อยประจุผิดปกติ ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า 4. ปัญหาคุณภาพไฟฟ้า (Power Quality Issues) ปัญหาคุณภาพไฟฟ้าเกิดจากหลายสาเหตุที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์: แรงดันตก (Voltage Sag): ทำให้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ แรงดันเกิน (Voltage Surge): อาจทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้า การกระตุกของสัญญาณไฟฟ้า (Harmonics): มักจะเกิดจากอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไม่ต่อเนื่อง เช่น อินเวอร์เตอร์หรือเครื่องจักรที่ใช้มอเตอร์ 5. การบำรุงรักษาและซ่อมแซม (Maintenance and Repair) การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าควรทำเป็นระยะ ๆ เช่น: การทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้า: การทำความสะอาดหม้อแปลง, เบรกเกอร์, และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาฝุ่นและความร้อน การตรวจสอบและทดสอบระบบ: การทดสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อตรวจหาปัญหาที่อาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สรุปปัญหากรณีปลอกสายไฟสีดำละลาย

  • Power Tranformers

    โซลาร์เซลล์มีกี่ประเภท ใช้แบบไหนดี

    ประเภทของโซลาร์เซลล์ (Solar Cells) โซลาร์เซลล์สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามวัสดุและเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต โดยประเภทที่พบบ่อยมีดังนี้: 1. Monocrystalline Solar Cells 2. Polycrystalline Solar Cells 3. Thin-Film Solar Cells 4. Bifacial Solar Cells การเลือกใช้โซลาร์เซลล์แบบไหนดี 1. สำหรับบ้านพักอาศัย: 2. สำหรับโรงงานหรือโครงการขนาดใหญ่: 3. สำหรับการใช้งานเฉพาะ (พกพา, โครงสร้างพิเศษ): คำแนะนำเพิ่มเติม